Water Library Restaurant & Bar – The Dining Experience in Modern Cuisine[Thonglor]

Water Library ทองหล่อนี้ เป็นร้านอาหารฝรั่งเศส แบบ Modern Cusine ที่เปิดตัวมาได้ราวๆสองปีกว่าๆครับ
เป็นร้านในเครือ Water Library ที่เปิดส่วนของร้านอาหารเป็นแบบ Chef Table 12 course 10 ที่นั่งต่อวัน

จริงๆผมอยากไปลองอยู่นานแล้วครับ แต่ติดตรงที่ราคาดูจะทำร้ายกระเป๋าสตางค์ไป (ไม่) นิด
แต่ล่าสุดเห็นเมนูตัวใหม่ ถูกใจพอสมควร บวกกับหาแนวร่วมมาได้ (1 คน ) เลยได้มาลองในที่สุด

เมนูของทางร้าน จะเปลี่ยนไปเรื่อยๆตามฤดูกาล โดยที่ไปทานเป็น Winter Menu
แผนที่การเดินทาง และเวลาเปิด ดูได้ที่ >Website< เมนูไม่อัพเดทนะครับ สนใจติดต่อทางร้านได้โดยตรง

บรรยากาศด้านหน้าร้านตั้งอยู่ตรงข้ามกับ Mugendai ในโครงการ Grass ซอยทองหล่อ 12

การจอง ต้องจองล่วงหน้าอย่างน้อย 1 – 2 วัน วันที่ผมไป มีลูกค้ารวมผมและพี่สมาชิกเป็น 8 ท่านครับ
โดยทางร้านจะขอให้ไปตรงเวลาเริ่มที่ 19.30น. เพื่อจะได้เสริฟอาหารพร้อมกัน

ในส่วนของชั้นล่าง จะเป็น Bar โดยจะมี Snack แล้วก็อาหารเบาๆ อย่าง Pasta

บาร์เครื่องดื่ม Mixologist ที่นี่ คือคุณ Mirko Gardelliano

เมนูเครื่องดื่มและ Snack ราคา Cocktail ก็เฉลี่ยที่ 200 – 500 บาท
ตามแต่ชนิดของเหล้า และปริมาณ ในรูปเมนูเป็น Bowl สำหรับ 5 คน ดูดีทีเดียว

“Gummy Bear” (350.-)
ถ้าจำไม่ผิด เป็นเหล้า Gin หมักกับเยลลี่หมีน้อย gummy bear ตามชื่่อ

ตอนแรกไม่ได้กะจะลอง Cocktail นะครับ เพราะขับรถมาเอง กลับดึกๆแถวนี้เจอด่านแน่ๆ
แต่สมาชิกท่านอื่นที่ไม่รู้จัก มาเลทราวๆครึ่งชม. กว่าๆ (แอบงอน) เลยเอามาดริงค์เล่นๆซักแก้วนึง

อันหลังล้อเล่นนะครับ ต้องขอขอบคุณด้วยซ้ำ ว่าเขามาด้วยกัน 6 คนแต่ไม่รำคาญตอนผมถ่ายรูป ( ฮา )
เขาไม่รุมกระทืบเอ็งก็บุญแล้ว อะไรอย่างเง้ . . .  แหม่ดูไฮโซ สวยหล่อทุกคนนะครับ

ชั้นสองเป็นส่วนของ Chef Table ที่เราจะมานั่งทานกันในวันนี้

เมนู ใส่มาในซองแปะครั่ง ดูหรูดีทีเดียว

ตรงกลางเป็นเมนูอาหาร ส่วนด้านซ้ายเป็น Wine Pairing List
และด้านขวาเป็น Exceptional Wine Pairing ที่ราคาจะสูงขึ้นไปอีกระดับนึง

Course แรกจะเป็น Snack ครับ โดยมี Concept ว่าใช้มือรับประทาน มีสี่จาน โดยจะมีผ้าเช็ดมือให้

อันนี้อาจจะมีหลายท่านคุ้นเคย ตอนก่อนเสริฟเป็นขนาดท่าเหรียญ พอเทน้ำลงไปก็พองเป็นทรงกระบอก
เชฟจะแนะนำส่วนประกอบของอาหาร และการกินที่ถูกต้องก่อนเสริฟทุกจานครับ

“Oyster beignet, fries, tartare sauce”
หอยนางรม โฟมซอสทาร์ทาร์ และโฟมรสเฟรนช์ฟราย ประทับใจตัวโฟมกับเฟรนช์ฟรายนะ

“Spanish beef tartare, black garlic, bone marrow mayonnaise”
บีฟทาร์ทาร์รสเข้มข้นดีครับ กินกับเปลือกนอกเป็น ขนมปังออกกรอบๆ

“Black Forest”
จานนี้เก๋มาก ตรงกลางเป็นไข่แดงทอดเยิ้มๆ กินกับพาร์มาแฮมและเชอรี่แห้ง

“Foie gras, brown butter, beetroot”
ตับห่านเย็น เนียนดีครับ บีทรูทเยลลี่ก็รสเปรี้ยวหวาน ตัดเลี่ยนได้ดี
โดยรวม Snack 4 จาน ครีเอทน่าสนใจมาก และอร่อยทุกจานถือว่าเริ่มต้นได้ดีมากทีเดียว

Snack ทั้ง 4 จานผ่านไป มาเริ่ม Second Course กันดีกว่า

“SEA URCHIN”
Japanese sea urchin, carrot, mandarin,caviar

หอยเม่นเนียน รสชาติเข้มข้นดีครับ แม้ไม่เท่าหอยเม่นสดทั้งตัว แต่ก็ทำให้ไม่เลี่ยนเกินไป
ทานกับแครอทเย็นๆ คาเวียร์เค็มมัน เข้ากันดี ไม่เบาเหมือนมูส แต่ก็ไม่ข้นเท่าไอศครีม

“CARABENIEROS“
Spanish deep sea prawns, green apple nage, seaweed
Carabineros หรือ Scarlet Shrimp เป็นกุ้งทะเลน้ำลึกหน้าตาลอง Serceh จากอากู๋ดูได้

เชฟกำลังแต่งจานเดียวกันนี้ แต่เป็นของสมาชิกร่วมโต๊ะท่านอื่นครับ ดูตั้งใจมาก

ตรงกลางเป็นไข่แดงอีกแล้ว เยิ้มๆดี ทานกับขนมปัง ผักเคียงและกุ้งดิบหวานๆ
ไอศครีมเป็น มัสตาร์ดไอศครีม รสไม่จัดเกิน

“BRITTANY LOBSTER“
Seared lobster, cucumber, “flavors of tom yam”, sake

เนื้อลอบเสตอร์ สดและสุกพอดี โฟมต้มยำกุ้งรสเข้มข้นมาก ประทับใจครับ นึกว่าโฟมจะรสจางๆ

“EGG”
Egg bacon custard, green pea, miso sabayon

จานนี้อร่อยมากก เป็นคัสตาร์ดไข่ผสมเบคอน เพสท์ถั่วเขียวรสชาติเข้มข้น
Sabayon หรือ Zabaione เป็นซอสหรือขนมของอิตาเลียน รสชาติคล้ายๆมายองเนส

“WHITE ASPARAGUS“

บังเอิญว่าวันนี้ไม่มี Potato Confit เลยกลายเป็นเจ้านี่แทน แผ่นๆด้านบนคือ ไข่แดงกรอบครับ
กินกับครีมชีส แอสพารากัสขาวชิ้นใหญ่และพาร์มาแฮมแห้ง

“HAM & CHEESE”
Brioche, bacon jam, suckling pig, winter truffle

ขนมปังบริโอชแบบโฮมเมด ใส้ในเป็นเบคอนและชีส เสริฟมาอุ่นพอดี

“FOIE GRAS ”POELEE”
Seared crispy perigord foie gras, charred eggplants, crab essence,ponzu
จานนี้เป็นตับห่าน Pan Fried อร่อยครับ ทอดได้พอดีมากๆ แต่ไม่ Wow เท่าจานอื่น

“IBERICO PORK”
Grilled spanish pork neck, coffee roasted chervil root, chesnuts, pork jus

 พี่สมาชิกไม่ประทับใจเท่าไหร่ บอกว่ากลิ่นอ่อนไป แต่ผมชอบนะ ก็เป็นคอหมูติดมันไม่มากเกิน
สุกประมาณ medium rare ทั้งชิ้น ทำให้รสชาติชัดเจนดี ส่วนผิววนอกก็เกรียมนิดๆ เข้ากับซอส

ตัวรากไม้อบกาแฟนี่อร่อยรสจัดไปครับ ต้องรีบล้างปากก่อนทานหมูต่อ เดี๋ยวโดนกลบรสหมด

“BARBARY DUCK”
Roasted at 63˚c, parsley puree, spiced duck jus
เจ้า Barbary Duck นี่ก็คือ Moscovy Duck นี่ล่ะครับ แต่เป็นศัพท์ที่ใช้ในด้าน Food Art

จานนี้เนื้อนุ่มดี สุกพอดีทั้งชิ้น อร่อยครับ ซอสออกหวานเปรี้ยว ส่วนข้างๆกันคือ Samosa
ผักหน้าตาแปลกๆในจานจำไม่ค่อยได้แล้วว่ามีอะไรบ้าง แต่ทำให้การตกแต่งจานดูสวยมากทีเดียว

BLACK TRUFFLE “TIRAMISU”
Marscapone, sable breton, black truffle

จานนี้เป็น Traditional Tiramisu โดรยด้วยเห็ดทรัฟเฟิลขูด อร่อยครับ ไม่ได้เจอทีรามิสุถูกใจมานานแล้ว

“Petit Five” VARIATION OF CHOCOLATE
เป็นการเล่นคำครับปกติเขาจะเสริฟ Petits Four หรือขนมชิ้นเล็กๆ ปิดท้ายมื้อสี่ชนิด ร้านนี้มา 5 ชิ้น
อันที่จริง ร้านหรูๆ หลายร้านมาเป็น Trolley เลยนะ แต่ก็เรียก Petits Four อยู่ดี

จะอธิบายเฉพาะอันที่ประทับใจละกันครับ ตรงกลางคือ Chocolate lava จิ๋ว
ส่วนชิ้นสีเทาคือ White Cocolate ใส้ Wasabi ส่วนกรวยสีเหลืองเป็น cannelloni vanilla ice-cream

จบมื้อสี่ทุ่มครึ่งเห็นจะได้ ขับรถกลับแทบหลับ  ง่วงแล้วขับอันตรายมากนะคร้าบบบ เด็กๆไม่ควรเลียนแบบ

” Special Thank for Executive Chef Haikal Johari & His Team “

สำหรับมื้อนี้ คงต้องขอบอกว่า ทีมเชฟและทีมบริกรทุกคน ทำได้เป๊ะทีเดียวครับ เชฟคือคนขวาสุดนะครับ
ขอถ่ายรูปเชฟ แต่เชฟไม่กล้าถ่ายคนเดียว เลยลอคคอลูกทีมมาเข้ากล้องด้วย เชฟแกอารมณ์ดีมากครับ

สำหรับมื้อนี้ ผมคงไม่ขอพูดถึงความคุ้มค่าด้านราคานะครับ เพราะผมถือว่า คนเราชอบอะไรไม่เหมือนกัน

สำหรับผม มื้อนี้อร่อยทุกจานครับ มีหลายจานที่ประทับใจและจานที่ผิดหวังว่าธรรมดาไปนิด
บริการดีมากครับประทับใจ แต่ขออภัยที่ไม่ได้ทิปไปครับ เก็บเอาจาก Service Charge ละกันนะครับ แหะๆ

เอาเป็นว่า ถ้าท่านใดไม่ยึดติดกับอาหารรสเผ็ดจัด และอยากลองเปิดประสบการณ์ด้านอาหารก็แนะนำครับ
ผมเองถ้ามีโอกาส ก็คงอยากจะมาลองเมนูของ ฤดูกาลอื่นๆอีกครับ โดยเฉพาะ ถ้ามีเจ้ามือด้วยจะดีมาก (ฮา)
ก็คงต้องขอลาไปก่อน พบกันใหม่กับร้านอาหารอิตาเลียนชื่อดัง ใกล้ รพ.สมิติเวช วันนี้สวัสดีครับ